เวลาเด็กๆ ไอ ผู้ใหญ่ในบ้านก็มักจะรีบป้อนยาแก้ไอเด็กให้ทันที ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิด เพราะยาสามารถช่วยบรรเทาอาการไอได้ แต่บางครั้งการตั้งหน้าตั้งตาป้อนยาเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เผลอมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไปโดยไม่รู้ตัว จนทำให้เด็กไอมากกว่าเดิม และไม่หายจากความทรมาน
ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่า ถ้าอยากป้อนยาแก้ไอให้เด็กๆ ผู้ใหญ่อย่างเราต้องห้ามทำอะไรบ้าง
ห้ามป้อนยาแก้ไอเด็กให้เด็กที่แพ้ยา
ประวัติการแพ้ยาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกใช้ยาทุกประเภท แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายครั้งผู้ปกครองก็หลงลืมที่จะใส่ใจ หรือไม่เคยรู้มาก่อน ด้วยหลายเหตุผล เช่น ไม่ได้เลี้ยงเด็กมาตั้งแต่แรกเกิด เด็กไม่เคยกินยาแก้ไอเด็กมาก่อน เป็นต้น
นอกจากนั้น อาการแพ้ยาอาจไม่ได้แสดงออกมาทันที แต่เก็บสะสมไปเรื่อยๆ แล้วแสดงออกในวันใดวันหนึ่งในอนาคต หรือพูดง่ายๆ ว่า เมื่อก่อนอาจไม่เคยแพ้ยาชนิดนี้ แต่พอโตขึ้นก็เริ่มมีอาการแพ้ขึ้นมา จึงเป็นเรื่องยากที่จะรู้ หรือคาดการณ์อาการแพ้ยาของเด็กได้ล่วงหน้า
ดังนั้น ถ้าผู้ปกครองที่ดูแลเด็กในเวลานั้น ไม่รู้ประวัติการแพ้ยาของเด็ก ควรสอบถามจากผู้ปกครองที่เลี้ยงดูใกล้ชิดมากกว่า แต่ถ้าหาคำตอบเรื่องนี้ไม่ได้ ควรหมั่นสังเกตอาการของลูกหลานหลังป้อนยาแก้ไอเด็ก ไปจนกว่าจะหายไอ ว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ผื่นขึ้น ตัวบวม หายใจลำบาก แน่นหน้าอก เป็นต้น ถ้าพบว่ามีอาการเหล่านี้ ควรหยุดยาทันที แล้วรีบพาเด็กไปพบแพทย์
ห้ามป้อนยาแก้ไอเด็กที่ไม่ตรงกับอาการ
การใช้ยาแก้ไอเด็กที่ไม่ตรงกับอาการ อาจไม่ใช่เรื่องร้ายแรงที่ทำให้เด็กเสียชีวิต เพราะส่วนประกอบของยาไม่ได้มีความเข้มข้น หรือรุนแรงเท่ากับยาของผู้ใหญ่ แต่จะทำให้เด็กได้รับการรักษาไม่ตรงจุด ไอไม่หายสักที และทรมานมากกว่าเดิม
ฉะนั้น ผู้ปกครองควรตรวจดูอาการของเด็กให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นไอแห้ง หรือไอแบบมีเสมหะ ก่อนจะตัดสินใจหาซื้อยา
ห้ามป้อนยาแก้ไอเด็กให้เด็กอายุน้อยกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก
ยาแก้ไอเด็กแต่ละอย่าง ล้วนมีข้อกำหนดเรื่องอายุของเด็กไว้ต่างกัน เช่น AMICOF (อามีคอฟ) ที่มีตัวยา Carbocysteine ในฉลากจะระบุให้ใช้ในเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป โดยเด็กอายุ 2-5 ขวบ ให้ป้อนครั้งละ 1 ช้อนชา (5 มิลลิลิตร) วันละ 4 ครั้งส่วนเด็กอายุ 6-12 ขวบ ให้ป้อนครั้งละ 2 ช้อนชาครึ่ง (12.5 มิลลิลิตร) วันละ 3 ครั้ง เป็นต้น
ห้ามป้อนยาแก้ไอเด็กมากเกินไป
นอกจากนั้น ไม่ควรป้อนยาแก้ไอเด็กมากกว่าที่ระบุไว้บนฉลาก เพราะอาจทำให้เด็กกินยาเกินขนาด (Drug Overdose) จนร่างกายผิดปกติได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ตัวเย็น มีเหงื่อออก ง่วงซึม หมดสติ ฯลฯ
แต่ถ้าผู้ปกครองจำไม่ได้ว่าป้อนยาให้เด็กไปหรือยัง แล้วกลัวว่าถ้าป้อนตอนนี้จะทำให้เด็กกินยาเกินขนาด ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการข้ามไปป้อนยาแก้ไอเด็กในรอบถัดไปได้เลย โดยให้ยาตามปริมาณปกติ ไม่ต้องบวกเพิ่มเพื่อทดแทนรอบก่อนหน้า
ห้ามป้อนยาแก้ไอเด็กด้วยการบังคับ
แม้ว่าข้อนี้จะไม่ได้ทำร้ายสภาพร่างกายของเด็กโดยตรง แต่การบังคับให้เด็กกินยาขม หรือกินยาเม็ด สามารถทำร้ายจิตใจ และทำให้เด็กเกิดภาพจำที่ไม่ดี จนเกลียดการกินยาไปเลย ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการรักษาอาการไอในอนาคต
ทางที่ดี ผู้ปกครองควรเลือกใช้ยาแก้ไอเด็กแบบไซรัป ที่มีรสชาติอร่อยใกล้เคียงกับผลไม้ หรือขนมที่เด็กๆ ชอบ เพื่อให้เด็กกินยาได้ง่าย และไม่กลัวการกินยา
ทั้งหมดนี้คือข้อห้ามทำ ในเวลาที่ป้อนยาแก้ไอเด็ก ถ้าผู้ปกครองคนไหนอยากรักษาอาการไอของลูกหลานให้หายดี ก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้เป็นอันขาด