อาจจะกล่าวได้ว่าการรักษาแบบประคับประคอง คือสิ่งที่หลายๆ คนในยุคปัจจุบันให้ความสนใจอย่างมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าการรักษาแบบประคับประคอง เหมาะสมกับคนที่อายุเริ่มมาก หรือว่าเป็นโรคเรื้อรัง อย่างไรก็ดีการรักษาแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของประเทศไทย แต่มีมานานในต่างประเทศ หลักการรักษาแบบประคับประคองนั้นมีดังต่อไปนี้
- การรักษาทางโภชนาการ
สำหรับสิ่งแรกที่หลายๆ คนซึ่งสนใจการรักษาแบบนี้ควรทำความเข้าใจก็คือการรักษาทางโภชนาการนั่นเอง โดยปกติแล้วคนไข้ที่เข้ารับการรักษาแบบนี้ แน่นอนเลยว่าอาการจะถอยลง ไม่ใช่ดีขึ้น รวมไปถึงการกินอาหารและน้ำ หากว่าผู้ป่วยกินอาหารและน้ำได้น้อยลง ญาติเองก็ไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด เพราะว่าแท้ที่จริงแล้วนั้น การไม่ได้กินน้ำหรืออาหารไม่ได้ทำให้ร่างกายแย่ลงมากนัก ในทางตรงกันข้าม หากว่าไปให้อาหารทางสาย อาจจะทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ นอกจากนี้กรณีที่ญาติไปฝืนให้ผู้ป่วยกินอาหารหรือน้ำ ก็อาจจะทำให้เกิดผลกระทบได้แก่ มีการแน่นท้องหรือว่าคลื่นไส้และอาเจียนนั่นเอง เพราะว่าระบบการย่อยในร่างกายนั้นแย่ลงกว่าเดิม และการทำงานของระบบทางเดินอาหารนั้นลดลงกว่าเดิมอีกด้วย ที่สำคัญการให้อาหารทางสายหรือให้อาหารทางจมูก อาจจะเกิดผลเสียก็คือสำลักอาหารเข้าไปในปอด ทำให้ปอดอักเสบ อีกทั้งยังทำให้เกิดการติดเชื้อที่หลอดเลือดได้อีกด้วย บางคนเกิดภาวะตับอ่อนอักเสบ ทำให้เป็นอันตรายได้
- โรคประจำตัว
สำหรับการรักษาโรคประจำตัวเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน โดยจะต้องดูว่ายาต่างๆ ที่ผู้ป่วยได้รับอยู่จำเป็นมากน้อยเพียงใด เพื่อลดการกินยาของคนไข้ เช่นการรักษาโรคเบาหวาน ที่ลดยาลงไปได้ ทำให้ไม่เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือบางครั้งเราก็ลดยาลดไขมันได้ เพราะยาลดไขมันจะเห็นผลระยะยาวในห้าปีถัดไปนั่นเอง
- การรักษาในช่วงสุดท้าย
ช่วงสุดท้ายเป็นช่วงที่หนักหน่วงอย่างมากสำหรับคนไข้และญาติ โดยคนป่วยอาจจะนอนกลางวัน และตื่นในตอนกลางคืน หรือบางครั้งก็มีการกระวนกระวายเพิ่มเติมไปด้วย บางคนอาจจะประสาทหลอนหรือมีอาการปวดท้องได้ บางคนแน่นท้องกินอาหารไม่ได้ การรักษาแบบนี้จะเน้นไปที่การรักษาอาการของคนป่วยเป็นหลักแต่ว่าเน้นในการกระชับความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นการดูแลในครอบครัวของคนป่วยมากกว่า เป็นช่วงสุดท้ายที่ให้ครอบครัวของผู้ป่วยได้บอกลา บอกรักกัน
สำหรับอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญก็คือการเขียนพินัยกรรม โดยจะต้องมีการรักษาแบบวางแผนให้ละเอียดถี่ถ้วน อีกทั้งก็ต้องเลือกด้วยว่าจะรักษาในสถานที่แบบไหน เช่นที่บ้าน หรือที่เนิสซิ่งโฮม รวมไปถึงที่โรงพยาบาล แต่ส่วนใหญ่แล้ว การรักษาที่โรงพยาบาลอาจจะไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยสักเท่าใดนัก